20.00 สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินลุฟท์ฮันซ่า LUFTHANSA พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
23.00 ออกเดินทางสู่มิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า LUFTHANSA เที่ยวบินที่ LH773
05.20 เดินทางถึงสนามบินนานาชาติมิวนิค ประเทศเยอรมนี หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
จากนั้นท่านออกเดินทางสู่หมู่บ้านชวานเกา (Hohenschwangau) นำท่านนั่งรถมินิบัสขึ้นสู่ที่ตั้งของ “ปราสาทนอยชวานสไตน์” (กรณีอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยขอผู้เดินทาง ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการนำท่านเดินเท้าขึ้นแทน) นำท่าน “เข้าชมปราสาทนอยชวานสไตน์” ซึ่งเป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ตัวปราสาทตั้งอยู่บนบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่า 200 เมตร เหนือเกาะแก่งของแม่น้ำพอลลัท เป็นปราสาทหลังใหญ่สีขาว ตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร ที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลง แตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้ ปราสาทหลังนี้ เพิ่งได้รับขนานนามว่า “นอยชวานสไตน์” ก็เพียงภายหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886 แม้กระทั่งราชาการ์ตูนอย่าง “วอล์ทดิสนีย์” ยังได้จำลองแบบปราสาทแห่งนีไปเป็นปราสาทในเทพนิยาย อันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ **กรณีคิวการเข้าชม ปราสาทนอยชวานชไตน์เต็ม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการนำท่านไปถ่ายรูปคู่กับปราสาทนอยชวานชไตน์ (ภายนอก) และนำท่านเข้าชม ปราสาทโฮเฮนชวานเกาแทน**
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ ขาหมูเยอรมันอบกรอบ พร้อมเครื่องดื่ม(เบียร์หรือซอฟท์ ดริ๊งค์)
บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางกลับสู่ เมืองมิวนิค จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่บริเวณ “จัตุรัสมาเรียนพลาส” (Marian Platz) ศูนย์รวมกิจกรรมนานาชนิดของชาวมิวนิค ถ่ายรูปคู่กับศาลากลางมิวนิค ที่สร้างเมื่อปี ค.ศ.1867-1908 ซึ่งมีหอระฆังอันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ตั้งอยู่ตัวหอคอย มีความสูงถึง 278 ฟุต อิสระทุกท่านช้อปปิ้งร้านค้าแบรนด์เนม ตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: Leonardo Royal Hotel Munich / หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า รับประทานอาหารมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก
เดินทางสู่เมืองจากนั้นเดินทางสู่เมือง การ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน แวะเก็บภาพอารามเอ็ททาล(Ettal) ซึ่งก่อตั้งเมื่อขึ้นวันที่ 28 เมษายน ปี ค.ศ. 1330 ตรงกับวันนักบุญวีตาลิสแห่งมิลาน โดย จักรพรรดิลูทวิชที่ 4 แห่งจักรวรรดิ โรมันอันศักดิ์สิทธิ์หรือลูทวิชชาวไบเอิร์น (Ludwig the Bavarian) กลางหุบเขากราสแวง (Graswang valley) ตามที่พระองค์ได้ให้คำปฏิญาณไว้หลังจากกลับมาจากประเทศอิตาลี ตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขายระหว่างประเทศอิตาลีและเมืองเอาคส์บวร์ค ประเทศเยอรมนี ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านโอเบอร์อัมเมอร์เกา (Oberammergau) (120 กม.) เมืองขนาดเล็กบริเวณพรมแดนติดกับประเทศออสเตรีย ของขึ้นชื่อของที่นี่คืองานแกะสลักไม้และภาพเขียนเฟสโก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ภาพเขียนเหล่านี้ถูกวาดลงบนผนังและจั่วหน้าบ้านทุกหลัง นำท่านเดินทางสู่สถานีกระเช้าเมือง การ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน “ขึ้นชมยอดเขาซุกสปิตซ์ (Zugspitze Mt.)” ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมัน (2,962 เมตร) ชมทิวทัศน์ที่สวยงามระหว่างทาง ท่านสามารถมองเห็นธารน้ำแข็งและมองเห็นมุมกว้างได้รอบ 360 องศา ในวันอากาศดีท่านสามารถ
ชมยอดเขา 400 ยอด จากทั้งสี่ประเทศ เยอรมัน ออสเตรีย สวิส และอิตาลี เก็บภาพไม้กางเขนสีทองสัญลักษณ์ของเขาซุกสปิตซ์ และใช้เป็นแบ่งเขตระหว่างประเทศเยอรมัน และออสเตรีย
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่านเก็บบรรยากาศความงดงามของความสวยงามของเทืองเขาเยอรมันแอลป์ เก็บภาพกางเขนอันเป็นสัญลักษณ์ของยอดเขาซุกสปริตซ์ เลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย ได้เวลาสมควรนำท่านโดยสารกระเช้าลงสู่ด้านล่าง นำท่านเดินทางสู่เมือง “อินนส์บรูค” (63 กม.) ประเทศออสเตรีย ชม “เมืองอินซ์บรูก” แห่งลุ่มแม่น้ำอินน์ที่มีอายุกว่า 800 ปี อดีตเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าบนถนนสายโรมัน Via Cuaudla Augusta ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ นำคณะสู่ “ถนนมาเรียเทเรซ่า” ถนนสายหลักของเมืองอินน์สบรูก เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่ากับย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ ตรงกลางถนนเป็นที่ตั้งของ “เสาอันนาซอยแล” (เสานักบุญแอนน์) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงการถอนกองกำลัง ทหารบาวาเรีย ออกไปจากเมือง เข้าสู่ “ย่านเมืองเก่า” ที่ยังคงสภาพและบรรยากาศของยุคกลางได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนที่มีอาร์คเดคชั้นล่างและมีมุขยื่นออกมาที่ชั้นบน แสดงให้เห็นถึง สถาปัตยกรรมแบบโกธิคตอนปลาย และเรอเนสซองส์ ชมสัญลักษณ์ของเมือง “ หลังคาทองคำ ” Golden Roof ที่สร้างในปี ค.ศ.1500 สมัยจักรพรรดิแม็กซิมิเลี่ยนที่ 1 หลังคามุงด้วยแผ่นทองแดงเคลือบทองสว่างไสวและโรงแรมเก่าแก่ประจำเมือง โรงแรมโกลเดนเนอร์แอดเลอร์ ซึ่งเคยใช้ในการต้อนรับเจ้านายในราชวงศ์และบุคคลชั้นสูง
ค่ำบริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก
พักที่: INNSBRUCK HOTEL, THE HOTEL GRAUER BAR หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า รับประทานอาหารมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่หมู่บ้านนอยสทิฟท์ (Neustift im Stubaital) (26 กม.) หมู่บ้านสกี รีสอร์ทที่น่ารัก นำท่านเข้าสู่สถานีกระเช้า “นำท่านนั่งกระเช้าชมวิวสูยอดเขาสตูไบ กลาเซียร์ (Stubai Glacier) ขึ้นสู่ยอดเขาสูง 3,000 เมตร ในเวลาเพียง 20 นาที ยอดเขาสตูไบ เป็นสถานที่เล่นสกีที่โด่งดังที่สุดของประเทศออสเตรีย
เป็นสถานที่รวมความดื่มด่ำของหิมะประสบการณ์แห่งความตื่นเต้นจากขุนเขาอัลไพน์อาณาจักรแห่งหิมะ ท่านจะพบกับ ยอดเขาสูงเสียดฟ้า เหล่ายอดน้ำแข็งที่ปลกคลุมประดุจตึกสูงในเมืองใหญ่ๆ
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร พร้อมชมวิวแบบพาโนราม่าบนเขาสตูไบ
บ่าย มีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจและสนุกสนานกับการเล่นหิมะตามอัธยาศัย ได้เวลาพอสมควรนำท่าน จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น (Berchtesgaden) เจ้าของเส้นทางดิ อัลไพน์ โร้ด 1 ใน 6 เส้นทางแสนสวยและยังเป็น เส้นทางเก่าแก่ที่สุดที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เลาะเลียบเทือกเขาแอลป์ เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการสำรวจหาเกลือและสินแร่บริเวณเมืองเก่าเต็มไปด้วย ศิลปะการสร้างอาคารในรูปแบบบาวาเรียตอนบน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตกแต่งด้วยลายปูนสไตล์สตัดโก้ และในอดีตเคยเป็น ฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพนาซีทางตอนใต้ เป็นเมืองตากอากาศที่ อดอฟ อิตเลอร์ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง โดยมียอดเขาวัตซ์แมนน์(Watzmann mountain) ตั้งเด่นตระหง่านเป็นฉากหลังด้วยความสูงถึง 2,713 เมตร และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเวลาให้ท่านเดินเล่นชมความงดงามของเมืองอย่างจุใจ
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: HOTEL EDELWEISS, ALPENHOTEL KRONPRINZ หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า รับประทานอาหารมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน “อาร์มเซา” (Ramsau) เมืองเล็กๆ ในเทือกเขาแอลป์บาวาเรียที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและสายน้ำสวยงาม ชมโบสถ์เซนต์เซบาสเตียน (St. Sebastian Pfarrkirche) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่มักปรากฏบนโปสการ์ดและได้รับความนิยมมากในหมู่นักถ่ายภาพและเหล่าจิตรกร เนื่องจากที่ตั้งของโบสถ์มีความสวยงามและมีภูมิทัศน์สำหรับการวาดภาพนำท่านเดินทางสู่ท่าเรืองหมู่บ้านโคนิค ล่องเรือชมความงามของ “ทะเลสาบกษัตริย์” (Konigsee) ทะเลสาบที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี ในเขตเทือกเขาแอลป์ ที่กำเนิดจากการละลายของกลาเซียร์บนยอดเขาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งจนเกิดเป็นทะเลสาบที่สวยงาม
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านล่องเรือจนถึงท่าเรือของโบสถ์เซนต์ บาร์โทโลมิว (St.Bartholomä) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกในสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1134 ตั้งชื่อตาม Saint Bartholomew the Apostle ผู้เป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเกษตรกรในระแวกแถบนี้ ตัวโบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบโคนิค และสามารถเข้าถึงได้โดยทางเรือ หรือการเดินข้ามภูเขาเข้ามาเท่านั้น มีเวลาให้ท่านชื่นชมความงดงามอย่างเต็มอิ่ม จนได้เวลาอันสมควรนำท่านลงเรือกลับสู่หมู่บ้านโคนิค นำท่านเข้าสู่ “เมืองซอลส์เบิร์ก” เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศ
ออสเตรีย เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยศิลปะแบบบารอก จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบารอก เป็นเมืองเกิดของคีตกวีเอกของโลก โวล์ฟกังก์อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang AmadeusMozart) และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง The Sound of Music และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1997 นำท่านเดินเข้าชม “สวนมิราเบลล์” (Mirabell Garden) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังมิราเบลล์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1606 โดยพระราชประสงค์ของเจ้าชาย อาร์คบิชอป วูล์ฟดาย์ทริซ ปัจจุบันเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สุดของคู่บ่าวสาวและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีเวลาให้ท่านเดินชมและเก็บภาพความสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินข้ามสะพานแม่น้ำซอลซาค (Salzach River) อันงดงามมุ่งสู่ เขตเมืองเก่าเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับบ้านของโมสาร์ท โมสาร์ทเกิดในปี ค.ศ.1756 ในบ้าน Hagenauer Haus เลขที่ 9 จากนั้นนำท่านชมสถานที่ที่สำคัญๆ ของเมืองเก่าที่ท่านต้องตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น จากนั้นมีเวลาอิสระเพื่อให้ได้ท่านสนุกสนานกับการจับจ่ายใช้สอยในการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม, สินค้าที่ระลึกชื่อดังมากมาย ตลอดจนขนมและซ็อคโกแลตชื่อดังจากออสเตรียมากมาย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: Wyndham Grand Salzburg Conference Centre / หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านวูล์ฟกัง (47 กม.) ตั้งอยู่ริมทะเลสาบวูล์ฟกัง (Wolfgangsee) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาทางตะวันออกในรัฐซาลซ์บูร์ก อยู่ในเขตมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งชื่อตามนักบุญวูล์ฟกัง แห่ง เรเกนส์บูร์ก ผู้ริเริ่มสร้างโบสถ์แห่งแรกของเมืองนี่ ทะเลสาบแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองตอนคือตะวันออกและตะวันตก นำท่านนั่งรถไฟไอน้ำฟันเฟืองที่ชันที่สุดในออสเตรียขึ้นไปสู่ภูเขาชาฟแบร์ก (Mt.Schafberg) บนความสูง 1,190 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ประทับใจกับทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในภูมิภาคซาลคามเมอร์กุต ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ชมวิวแบบพาโนรามา 360° เหนือทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับ และภูเขาสูงตระหง่านรอบด้านตั้งแต่เทือกเขาดัชชไตน์ไปจนถึงภูเขาวัตซ์มานน์
*** หมายเหตุ...รถไฟชาฟแบร์กจะเปิดให้บริการระหว่างเดือนพฤษภาคม – กันยายน ของทุกปี สำหรับกรุ๊ปที่เดินทางช่วงเดือนเมษายนและเดือนตุลาคม ทางบริษัทจะพาไปขึ้นกระเช้าเที่ยวยอดเขาดัชสไตน์ (Dachstein Mountain) แทน บริเวณด้านบนยอดเขาดัชสไตน์จะมีจุดชมวิวไฟว์ฟิงเกอร์(5Fingers) ที่สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ และแนวเขาออสเตรียนแอล์ปได้อย่างชัดเจน เป็นเส้นทางเดินชมวิวที่สวยมากๆ ทุกท่านจะประทับใจไปกับบรรยากาศระหว่างทาง) ได้เวลาสมควรนำท่านโดยสารรถรางลงสู่สถานีด้านล่าง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย หลังอาหารเดินทางสู่หมู่บ้าน ‘ฮัลสตัทท์’ ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐของประเทศออสเตรีย ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 7,000 ปี และที่นี่มีบันไดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกท่ามกลางลักษณะเด่นอื่นๆ มากมาย ชมหมู่บ้านที่งดงามราวภาพวาดบนชายฝั่งของทะเลสาบฮัลสตัทท์ นับว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรีย เสมือนดั่งในเทพนิยาย *** อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นพักผ่อนในหมู่บ้านที่น่ารักแห่งนี้ตามอัธยาศัยอย่างจุใจ***
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนู GRILLED WHOLE TROUT พร้อมมันฝรั่งอบ รสเลิศ
พักที่: HERITAGE HOTEL, SEEHOTEL, GRUNER BAUM HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านเดินสู่สถานนีรถรางไฟฟ้า (Funicular) เพื่อขึ้นสู่สถานี Salz Welten เพื่อไปยังเหมืองเกลือที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 838 เมตร นำท่านเปลี่ยนชุดชาวเหมืองสุดเท่ห์ เข้าชมเหมืองเกลือ (Salt Mine) ที่เก่าแก่ซึ่งถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก มาเที่ยวชม จนทำรายได้มหาศาลให้กับเมืองฮัลสตัทท์ นำท่านผจญภัยใน เหมืองเกลือ(Salt Mine) เรียนรู้
ขั้นตอนการขุดหาเกลือ ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรดินที่มีค่าดุจทอง สร้างความมั่งคั่งให้กับอาณาจักรต่างๆ ที่เป็นเจ้าของ และสนุกสนานกับการเปลี่ยนระดับในเหมืองด้วยไม้เลื่อนแบบชาวเหมืองในอดีตอันแสนงดงามเกินคำ
บรรยาย จากนั้นนำท่านสู่จุดชมวิว Sky Walk ที่สามารถมองเห็นทะเลสาบฮัลสตัทท์ และตัวเมืองได้อย่างชัดเจนชมสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยการประดับเครื่องไม้และเก็บเกี่ยวความสวยงามที่ยังคงมีชีวิตชีวา มีเวลาสบายๆจากนั้นอิสระทุกท่านชื่นชมกับบรรยากาศในหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ อย่างเต็มที่
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินเขาสู่กรุงเวียนนา นำท่านเข้าสู่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญจากอดีตกาลมาสู่ปัจจุบัน เป็นเมืองประวัติศาสตร์ซึ่งราชวงศ์ฮับส์บวร์กเป็นราชวงศ์ที่มีบทบาทเด่นที่สุดในประเทศ “เวียนนา” เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “เป็นเมืองที่มั่งคั่งด้วยศิลปะและการดนตรีระดับโลก”ชื่อเสียงนี้เป็นผลมาจาก นักประพันธ์บทเพลงวอลท์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ใช้ช่วงชีวิตที่เวียนนาและสร้างผลงานฝากไว้ที่นี่ เช่น โวล์ฟกังอามาเดอุส โมซาร์ท และ ลุดวิก ฟัน เบโธเฟน นำท่านเข้าสู่ย่านถนนคนเดิน “คาร์ทเนอร์ สตาเซ่” ย่านเมืองเก่าที่สวยงามมีศูนย์กลางคือโบสถ์เซนต์ สเตฟาน มหาวิหารสไตล์โกธิค ที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดของกรงเวียนนา มีเวลาให้ทุกท่านเลือกซื้อสินค้าต่างๆตามอัธยาศัย ที่งสินค้าแบรนด์เนม และของที่ระลึกมากมาย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษซี่โคลงหมูอบสไตล์เวียนนา / นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก
พักที่: VOCO HOTEL / HILTON STADTPARK HOTEL / หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า รับประทานอาหารมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่เมืองเมลค์ (Melk) ตัวเมืองตั้งอยู่ในบริเวณริมแม่น้ำดานูป *** นำคณะเที่ยวชม“เมืองเมลค์” Melk เมืองเล็กๆที่มีความสวยงามของบ้านเรือนในยุค“เรอเนอซองส์” เป็นจุดแวะพักยอดนิยมที่ตั้งอยู่ตรงช่วงคุ้งน้ำของแม่น้ำดานูบช่วงที่ไหลผ่านประเทศออสเตรียที่ตั้งของเมืองนี้มีความสำคัญมาแต่ครั้งโบราณตั้งแต่สมัยยุคโรมันและสมัยของราชวงศ์บาเบนเบิร์กที่ปกครองออสเตรีย ชมความงามของ “ โบสถ์สตีฟท์เมลค์ ” ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 900 ปี ของคณะเบเนดิคทีนที่ตั้งอยู่บนหน้าผาริมฝั่งแม่น้ำดานูป ชมโบสถ์ใหญ่ที่ตกแต่งด้วยศิลปะสไตล์บารอคที่มีความงดงามวิจิตรพิสดารที่สุดในโลก ทีเดียว ผนังสุกปลั่งด้วยทองเหลืองอร่ามทุกด้าน ส่วนเพดานเป็นภาพเขียนเฟรสโกลวงตาให้แลดูสูงชนฟ้าที่แห่งนี้ใช้เป็นพื้นเรื่องของนิยายขายดีระดับโลกเรื่อง A Nome Of A Rose
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูป ชมความงามของ “วาเคาน์ วาเลย์” วาเคาน์คือดินแดนช่วงสั้นๆ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (เพียง 22 ไมล์จากความยาวทั้งสิ้น 1,740 ไมล์) ที่มีลักษณะภูมิทัศน์หลากหลาย มีโบราณสถานทางวัฒนธรรมและหมู่สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ ตามเมืองเล็ก เมืองน้อย เรียงรายตลอดสองฝั่งแม่น้ำ ลักษณะที่สร้างความโดดเด่นให้แก่เมืองวาเคาท์ คือ ความงามตามธรรมชาติ ทั้งสายน้ำดานูบที่คดเคี้ยว ทุ่งหญ้าและพุ่มไม้เขียวชอุ่มริมฝั่ง ไร่องุ่นขั้นบันได, หมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัว, ฟาร์ม ,โบสถ์, ปราสาท และซากโบราณสถานฯลฯ จนถึงสำนักสงฆ์เมลค์ ปราสาทเชิร์นบือเฮล Schoenbuehel Castle ซากปราสาทอักชไตน์ดืนชไตน์ และฮินแทร์เฮาส์ จนถึงสำนักสงฆ์เก็ทไวก์ บนยอดเขาที่มองเห็นได้แต่ไกล ผ่านชม “ปราสาทดรุนสไตล์” Durnstein Castle ที่เคยเป็นที่คุมขังพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ แห่งอังกฤษ ที่มาร่วมในสงครามครูเสด
จากนั้นนำท่านเดินเขาสู่ย่านกรินซิ่ง (Grinzing) อันเก่าแก่ให้ทุกท่านได้สัมผัสบรรยากาศแบบท้องถิ่นของชาวออสเตรียแท้ๆ ชมร้านอาหารที่เรียกว่าฮอยริเกอร์(Heuriger) ส่วนใหญ่ร้านอาหารเหล่านี้จะผลิตไวน์ด้วยตัวเอง และมีความเป็นเอกลักษณ์ในการตกแต่งร้านที่สวยงาม มีหาหารท้องถิ่นหลากหลายรสชาติดีเยี่ยม
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่นในย่านกรินซิ่ง(Grinzing) เสริฟขาหมูอบ, ใส้กรอก และไวน์ในสไตล์แบบเวียนนาอย่างแท้จริง
พักที่: VOCO HOTEL / HILTON STADTPARK HOTEL / หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า รับประทานอาหารมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมความงดงามรอบกรุงเวียนนา เริ่มต้นจาก “ถนนวงแหวน” Ring Strasseผ่านชม โรงอุปรากร, พระราชวังฮอฟบวร์ก, อาคารรัฐสภา, ศาลาว่าการกรุงเวียนนา, มหาวิทยาลัยเวียนนา, โบสถ์ประจำเมือง, ศาลสูง ฯลฯ นำท่านเก็บภาพความสวยงามภายใน“ สวนสาธารณะสตัดปาร์ค ” สวนสาธารณะกลางใจเมืองที่ร่มรื่น
และยังเป็นที่ตั้งของ “ อนุสาวรีย์ โยฮันสเตร้าส์ จูเนียร์ ” (Johannes Strauss Jr.) ศิลปินที่มีชื่อเสียงก้องโลก เจ้าของบทเพลงอมตะ By The Beautiful Blue Danube นำท่าน “เข้าชมภายในพระราชวังเชินบรุนน์” (Schonbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮัปสบวร์กที่ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 17 โดยพระประสงค์ของ “พระนางมาเรียเทเรซ่า” จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันที่ตั้งพระทัยว่า จะสร้างพระราชวังแห่งนี้ให้มีความงดงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ในกรุงปารีส” ด้านหลังของพระราชวังในอดีตเคยใช้เป็นที่ล่าสัตว์ปัจจุบันได้ตกแต่งเป็นสวนและ น้ำพุอย่างสวยงาม อันเป็นที่มาของชื่อพระราชวังเชินบรุนน์ในอดีตนั้นพระราชินีฝรั่งเศส มารีอังตัวเนต ได้เคยใช้ชีวิตช่วงวัยเด็ก ณ พระราชวังแห่งนี้ และ โมสาร์ทยังเคยมาบรรเลงดนตรี จักพรรดินโปเลียนเคยได้เสด็จมาประทับอยู่กับพระราชโอรสของพระองค์ เข้าชมความงดงามอันวิจิตรตระการตาภายในห้อง อาทิ ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องแกลลอรี่, ห้องมิลเลี่ยน, ไชนีสรูม ห้องบอลลูม ใช้จัดงานเต้นรำ หรือแสดงดนตรี ปัจจุบันยังมีการใช้งานอยู่เป็นครั้งคราว ฯลฯ ชมอุทยานและสวนดอกไม้นานาพันธุ์ จากนั้นนำถ่ายรูปกับ “พระราชวังเบลวีเดียร์” (Belvedere Palace) พระราชวังแห่งนี้ได้รับการออกแบบ และสร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 18 ตัวพระราชวังประกอบด้วยพระตำหนัก 2 ส่วนในรูปแบบสถาปัตยกรรมโรโคโค หันหน้าเข้าหากันโดยคั่นกลางด้วยสวนสวยที่ตกแต่งอย่างงดงาม ในปัจจุบันพระราชวังเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จัดแสดง และเก็บรักษาผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของกรุงเวียนนา โดยจัดแสดงผลงานชิ้นเอกของศิลปินออสเตรียตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน เช่น ผลงานภาพวาดของ กุสตาฟ คลิมท์ Klimt ที่มีชื่อเสียงระดับโลกและผลงานชิ้นสำคัญของ Monet, Kokoschka, Renoir และ Schiele
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำคณะเข้าสู่ เอาท์เล็ท พาร์นดอร์ฟ “Parndorf Outlet” เป็นเอาท์เล็ท แบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออก มีให้ท่านได้มีเวลาเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมมากมายในราคาพิเศษ เช่น PRADA, Lacoste, Samsonite, McGregor, Ulla Popken, Gaastra, Hallhuber,Guess, Polo Ralplauren, Geox, Bally, Armani, Burberry, Camel, Timberland, Vans, Levi’s, Diesel, Nike, Adidas ฯลฯ / ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อผ่านขั้นตอนการตรวจเช็คบัตรโดยสารและทำคืนภาษี
23.25 เหิรฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯโดยสายการบินออสเตรียน AUSTRIAN AIRLINE Q เที่ยวบินที่ OS025
14.40 เดินทางถึงกรุงเทพฯ...โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ เดินทางถึงกรุงเทพฯ...โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิค // เวียนนา-กรุงเทพฯ (หรือสลับ ก่อน-หลัง)
ค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามระบุไว้ในรายการ พร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ช.ม./วัน
โรงแรมที่พักตามระบุหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน โรงแรมส่วนใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์จะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำและราคาโรงแรมจะปรับขึ้น 3-4 เท่าตัว หากวันเข้าพักตรงกับงานเทศกาลเทรดแฟร์หรือการประชุมต่างๆ อันเป็นผลที่ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนย้ายเมือง โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเป็นหลัก
ค่าอาหารที่ระบุในรายการ ให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
ค่าบริการนำทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยวให้ความรู้ และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
ค่าประกันสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทาง วงเงิน ท่านละ 1,000,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
ค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่ายุโรปหรือกลุ่มเชงเก้นวีซ่า และค่าธรรมเนียมวีซ่า ทางสถานทูตไม่คืนให้ท่านไม่ว่าท่านจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม
ค่าทิปพนักงานขับรถ
ค่าน้ำดื่มบริการบนรถโค้ช
ค่าพนักงานยกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก (กรุณาตรวจสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยก่อนรถออกทุกครั้ง) หากท่านลืมสัมภาระไว้ในห้องพัก มีค่าใช้จ่ายในการจัดส่งคืน และอาจเกิดความล่าช้าหรือสูญหายได้ (บางโรงแรมมีพนักงานยกกระเป๋าไม่พอทำให้เกิดความล้าช้า ท่านสามารถนำสัมภาระขึ้นห้องพักได้ด้วยตัวเอง)
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ 100 บาท / วัน / ท่าน (หากท่านประทับใจในการบริการ)
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์ , ค่าซักรีด , ค่าเครื่องดื่มและอาหารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ
ค่าผกผันของภาษีน้ำมันที่ทางสายการบินแจ้งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางขากลับ(ตั๋วเครื่องบิน) กรณีอยู่ต่อ
หมายเหตุ
บริษัทฯ จะทำการยื่นวีซ่าของท่านก็ต่อเมื่อในคณะมีผู้สำรองที่นั่งครบ 15 ท่าน และได้รับคิวการตอบรับจากทางสถานทูต เนื่องจากบริษัทฯ จะต้องใช้เอกสารต่างๆที่เป็นกรุ๊ปในการยื่นวีซ่า อาทิ ตั๋วเครี่องบิน ห้องพักที่คอนเฟิร์มมาจากทางยุโรป ประกันการเดินทาง ฯลฯ ทางท่านจะต้องรอให้คณะครบ 15 ท่าน จึงจะสามารถยื่นวีซ่าให้กับทางท่านได้อย่างถูกต้อง
หากในช่วงที่ท่านเดินทางคิววีซ่ากรุ๊ปในการยื่นวีซ่าเต็ม ทางบริษัทต้องขอสงวนสิทธิ์ในการยื่นวีซ่าเดี่ยว ซึ่งทางท่านจะต้องเดินทางมายื่นวีซ่าด้วยตัวเอง ตามวัน และเวลานัดหมายจากทางสถานทูต โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยดูแล และอำนวยความสะดวก
เอกสารต่างๆที่ใช้ในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป ทางสถานทูตเป็นผู้กำหนดออกมา มิใช่บริษัททัวร์เป็นผู้กำหนด ท่านที่มีความประสงค์จะยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป กรุณาจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง และครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าของท่าน บริษัททัวร์เป็นแต่เพียงตัวกลาง และอำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้เป็นผู้พิจารณาว่าวีซ่าให้กับทางท่าน
กรณีวีซ่าที่ท่านยื่นไม่ผ่านการพิจารณา และคณะสามารถออกเดินทางได้ ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้
- ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าและค่าดำเนินการ ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณา
- ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือตั๋วเครื่องบินที่ออกมาจริง ณ วันยื่นวีซ่า ซึ่งตั๋วเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นวีซ่า หากท่านไม่ผ่านการพิจารณา ตั๋วเครื่องบินถ้าออกตั๋วมาแล้วจะต้องทำการ REFUND โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่ท่านต้องถูกหักบางส่วน และส่วนที่เหลือจะคืนให้ท่านภายใน 45-60 วัน (ตามกฎของแต่ละสายการบิน) ถ้ายังไม่ออกตั๋วท่านจะเสียแต่ค่ามัดจำตั๋วตามจริงเท่านั้น
- ค่าห้องพักในทวีปยุโรป ถ้าคณะออกเดินทางได้ และท่านไม่ผ่านการพิจารณาวีซ่า ตามกฎท่านจะต้องโดนค่ามัดจำห้องใน 2 คืนแรกของการเดินทางหากท่านไม่ปรากฏตัวตามวันที่เข้าพัก ทางโรงแรมจะต้องยึดค่าห้อง 100% ในทันที ทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีเอกสารชี้แจงให้ท่านเข้าใจ
หากท่านผ่านการพิจารณาวีซ่า แล้วยกเลิกการเดินทางทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%
ทางบริษัทเริ่มต้น และจบ การบริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และจะสำรองตั๋วเครื่องบิน หรือพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ใช้ในการเดินทางมาสนามบิน ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางของบริษัท ฉะนั้นท่านควรจะให้กรุ๊ป FINAL 100% ก่อนที่จะสำรองยานพาหนะ
เลขที่ 9/50 ซอยวิภาวดีรังสิต 64 แยก 13 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ