23.30 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 8 ROW T เคาน์เตอร์สายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ Qatar Airways (QR) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
02.30 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเที่ยวบินที่ QR837 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
05.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ประเทศกาตาร์ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
09.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบินที่ QR057
14.10 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม. และ 6 ชม. ในฤดูหนาว)
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ตัว เมืองมิวนิค ให้ท่านได้อิสระที่บริเวณ จัตุรัสมารีนเพทส (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชม ตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น เมนูพิเศษ ขาหมูเสิร์ฟพร้อมเบียร์เยอรมันขนานแท้
ที่พัก NH Muenchen Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ การ์มิช พาร์เทินเคียร์เชิน (Garmisch Partenkirchen) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองสวยในเขตเทือกเขาแอลป์ เป็นแหล่งเล่นสกีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เมืองแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาว 1936 บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของซุกสปิตเซ่ ภูเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี และยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังอย่าง ริชชาร์ท ชเตราส์ ซึ่งจะมีการจัดเทศกาลดนตรีริชชาร์ท-ชเตราส์ในเดือนมิถุนายนของทุกปี
จากนั้นนำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า Cable Car ขึ้นสู่ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (Zugspitze) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ให้ท่านเก็บภาพประทับใจจากจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดใน บนความสูง 2,964 เมตร จากบนยอดเขาท่านจะมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบตัวซึ่งประกอบไปด้วยยอดเขากว่า 400 ยอดในเขตแดนออสเตรีย อิตาลี ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งปีคือ สกีในฤดูหนาวและเดินเขาในฤดูร้อน เมื่อมองจากยอดเขาจะเห็นทิวทัศน์งดงามกว้างไกลไปถึง 4 ประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์โดยมียอดเขาที่อยู่เคียงกันอีก 3 ยอดคือ แอล์ปสปิตซ์ (Alpspitz), ครอยเซ็ค (Kreuzeck) และแวงค์ (Wank)
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารบนเขาซุกสปิตเซ่
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ พิพิธภัณฑ์สวารอฟสกี วัตเตนส์ (Swarovski Kristallwelten) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์เครื่องประดับและอัญมณีชื่อดังอย่าง “Swarovski” เปิดให้บริการในปี 1995 เพื่อฉลองวาระครบรอบหนึ่งร้อยปีของการก่อตั้งบริษัท โดยมีอองเดร เฮลเลอร์ (André Heller) ศิลปินหลากสื่อเป็นผู้ออกแบบสถานที่ที่มีทั้งเอกลักษณ์โดดเด่นและความมหัศจรรย์
จากนั้นนำท่านเดินทางลงเข้าสู่ เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองหลวงของรัฐทีโรล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ประกบอยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมสวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) บ้านเรือนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นซุ้มดอกไม้ หรือไม้เลื้อยตามประตู บานหน้าต่าง นำท่านชมอีก 1 ในสัญญาลักษณ์ที่สำคัญของเมืองอินส์บรุคคือ “หลังคาทองคำ (Golden Roof)” หลังคาสไตล์บารอกผสมสไตล์โกธิคที่ยื่นออกมาจากระเบียงตกแต่งด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น สร้างในศตวรรษที่ 16 เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิแมกมิเลียนที่ 1 1 ชม หอคอยประจำเมืองอินส์บรุค (Stadtturm Innsbruck) ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าใกล้กับอาคารหลังคาทองคำ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1450 เดิมเป็นที่ให้สังเกตการณ์และยังเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษอีกด้วย ปัจจุบันกลายเป็นหอชมวิวเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว อิสระให้ท่านได้ชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก Alphotel หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตา แมดดาเลนา (Santa Maddalena) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่อยู่กลางหุบเขาโดโลไมท์ หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการ จุดเด่นที่นี่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปคือ St.Johann church โบสถ์เล็กๆ สไตล์บาโรก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1744 ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างโดดเด่นและมีฉากหลังเป็นเขาหินปูนเป็นวิวที่งดงามราวกับภาพวาด
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (Bolzano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซาท์ทีโรล (South Tyrol) เป็นเมืองที่ถูกธรรมชาติรายล้อม มีเนินเขาที่เป็นป่าทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเป็นเมืองหน้าด่านสู่เขต หุบเขาโดโลไมท์ (Dolomites) ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ มีลักษณะเป็นเขาหินปูนผนังแนวตั้งแต่ละลูกมีรูปร่างที่แตกต่างแปลกตาสูงเสียดฟ้า และยังได้รับเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี 2009 อีกด้วย จากนั้นให้ท่านได้อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย ณ จัตุรัสกลางเมืองโบลซาโน Piazza Walther
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบรียส (Lake Braies หรือ Pragser Wildsee) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Fanes Sennes Braies ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่ตั้งอยู่ในหุบเขาโดโลไมท์ ทะเลสาบที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งโดโลไมท์ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีต้นสนเป็นฉากหลังพร้อมทั้งภูเขาหินปูน เป็นอีกหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกอร์ตีนาดัมเปซโซ (Cortina D'Ampezzo) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ถูกอ้อมล้อมด้วยเขาโดโลไมท์ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่จัดการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวในปี ค.ศ.1956 และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 จากนั้นให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก Hotel Ambra Cortina D'Ampezzo หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบมิซูรีน่า (Lake Misurina) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของแนวเทือกเขาแอลป์ เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสเหมือนกระจก ท่านสามารถเห็นหุบเขาโดโลไมท์ที่เป็นฉากหลังสะท้อนกับผิวน้ำอย่างสวยงาม ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของหุบเขาโดโลไมท์
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (Venice Mestre) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ ดีไซเนอร์เอาท์เลทโนเวนตาดิปิอาเว (Designer Outlet Noventa di Piave) ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา มีร้านค้ากว่า 160 ร้านก็มีให้ได้เลือกสรร อาทิเช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS ,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE , NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย อิสระท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
ที่พัก Hotel Novotel Venezia Mestre Castellana หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านล่องเรือเฟอร์รี่สู่ เกาะเวนิส (Venice Island) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) เป็นเมืองที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย มีสะพานเชื่อมคลองมากกว่า 400 แห่ง อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรมและดนตรียามค่ำคืน ผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส เมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน
นำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัว
มหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ (Doge’s Palace) ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile) หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902
ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์ดและเรือนจำ
แต่เรื่องที่ทำสะพานนี้โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น นักรักบันลือโลกแห่งเวนิสอย่าง จิอาโคโม จิโรลาโม คาสโนวา เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถออกจากเรือนจำแห่งนี้ได้ โดยเรื่องราวของชายหนุ่มมากด้วยวาทะศิลป์คนนี้ถูกตีพิมพ์และโด่งดังในปี 1855 และถูกทำเป็นภาพยนตร์ในปี 2005
**หมายเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมค่านั่งเรือกอนโดล่า หากท่านสนใจนั่งเรือกอนโดล่า
สามารถแจ้งทางหัวหน้าทัวร์เพื่อประสานงานให้ได้
ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ท่านติดต่อกับเรือเองเพื่อความปลอดภัยของท่านเนื่องจากอาจมีมิจฉาชีพแอบแฝงตัวมา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นด้วย เมนูสปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเวโรน่า (Verona) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเหตุที่มีความสำคัญทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เห็นได้งานนิทรรศการประจำปีหลายงาน โรงละคร และอุปรากรในโรงละครกลางแจ้งที่สร้างโดยโรมัน เมืองเวโรน่ายังได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2000 อีกทั้งวิลเลียม เชกสเปียร์ นักกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษและของโลกยังใช้บรรยากาศและเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวสองตระกูลในเวโรน่า แต่งเป็นละครโศกนาฎกรรมขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1595 เรื่องโรมิโอกับจูเลียต
นำท่านถ่ายรูปด้านนอก เวโรนา อารีนา (Verona Arena) ที่มีอัฒจรรย์สมัยโรมันขนาดใหญ่ เคยถูกใช้เป็นสนามแข่งขันรถม้าและเวทีต่อสู้ของนักรบกลาดิเอเตอร์ (Gladiators) ต่อมาเมื่อถึงยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม (Renaissance) ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 อัฒจรรย์โบราณก็ถูกปรับปรุงให้เป็นสถานที่สำหรับชมการแสดงโอเปรา
นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ บ้านเลขที่ 23 ของจูเลียต JULIET’S HOUSE ชมระเบียงแห่งเรื่องราว โรแมนติกที่จูเลียตเฝ้ารอคอยพบโรมิโอทุกค่ำคืน และบริเวณหน้าบ้านยังมีรูปปั้นสำริดขนาดเท่าตัวจริงของจูเลียต
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก NH Milano Fiera หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม ปราสาทซฟอร์ซ่า (Sforza castle) ปราสาทของผู้ครองนครรัฐมิลานในอดีตที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตระกูลเมดิชี่แห่งฟลอเร้นซ์ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 มีความหรูหราและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน โดยปราสาทแห่งนี้ บางส่วนถูกออกแบบโดยศิลปินระดับโลกอย่าง ลีโอนาโด ดาวินชี่ ที่เคยอยู่ในการอุปถัมภ์ ของตระกูลสฟอร์ซ่าถึง 15 ปี ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะทรงคุณค่าระดับโลกมากมาย และยังมีรูปแกะสลักชิ้นสุดท้ายของ มิเกลลันเจลโล ที่แกะในวัย 89 ปีด้วย
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในวิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนอย่างสวยงาม
นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
จนกระทั่งได้เวลา พอสมควรนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา มิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อทำการเช็คอิน และทำคืนภาษี (TAX REFUND)
22.10 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR118 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
05.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ประเทศกาตาร์ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
09.05 น. เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR826
19.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | ว่าง | |
---|---|---|---|---|---|
10 ก.พ. 68 - 17 ก.พ. 68 | 102,999 บาท | 12,000 บาท | 102,999 บาท | 20 | จอง |
21 มี.ค. 68 - 28 มี.ค. 68 | 99,999 บาท | 12,000 บาท | 99,999 บาท | 20 | จอง |
09 เม.ย. 68 - 16 เม.ย. 68 | 109,999 บาท | 12,000 บาท | 109,999 บาท | 20 | จอง |
11 เม.ย. 68 - 18 เม.ย. 68 | 109,999 บาท | 12,000 บาท | 109,999 บาท | 20 | จอง |
เลขที่ 9/50 ซอยวิภาวดีรังสิต 64 แยก 13 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ